_____สมัยนี้เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หนังเกาหลีมีอิทธิพลกับวงการสันทนาการบ้านเรามาก มีความนิยมมากกว่าหนังฮ่องกงหรือหนังจีนไปแล้วแล้วซ้ำ วัยรุ่นไทยก็นิยมเรียนรู้ภาษาเกาหลีกันมากมายทั้งแบบที่มีเหตุผลและไม่มีเหตุผล แต่ก็ช่างเหอะรู้ภาษาพูดเขียนได้มากกว่า 1 ภาษาก็ยังดีกว่าคนที่รู้แค่ภาษาเดียวอยู่แล้ว เข้าเรื่องนะ สำหรับหนังเกาหลีแล้วก่อนหน้าที่ผมมองหนังเกาหลีเป็นหนังก๊อปปี้จับฉ่ายมาจากหนังดังๆ ของฮอลลีวู้ด ไม่ก็ไต้หวัน ฮ่องกง ญี่ปุ่น แต่สมัยนี้หนังเกาหลีสู่ตลาดส่งออกสากลยกระดับขึ้นมาก เนื้อเรื่องก็ยังคงเอกลักษณ์อยู่หลายๆ ประการ ที่ผมจะยกตัวอย่างหนัง Sad Movie ก็อาจจะเป็นเพราะหนังเรื่องนี้โด่งดังทำรายได้สูงและเรียกน้ำตาคนดูแทบจะทุกคนจนท่วมจอ ดารานักแสดงก็ใช้ดาราแนวหน้าได้สิ้นเปลืองที่สุด แล้วจะไม่พูดถึงได้อย่างไรกัน
_____หนังเศร้าเรื่องนี้เป็นหนังที่มีเหตุการณ์ความผิดหวังของความรักอยู่หลายคนหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะอกหักเพราะเป็นคนดีเกินไป อกหักเพราะหน้าตาขี้เหร่ ไม่อกหักแต่สูญเสียคนรักแบบถ่ายทอดสด ที่เศร้าโศกสะเทือนหัวใจสุดๆ ก็คือต้องมาเห็นภาพเด็กน้อยสูญเสียแม่บังเกิดเกล้าอย่างไม่มีวันหวนกลับมาได้อีก แต่ละตัวละครที่ไม่เกี่ยวของกันแต่ต้องมาเจอชะตากรรมคั้นน้ำตาคนดู แบบไม่ปะติดปะต่อ ทำให้ผมนึกถึงหนังฮอลลีวู้ดอย่าง “11:14” “Crash” “Babel” สองเรื่องหลังผลงานผู้กำกับเดียวกัน ซึ่งเนื้อเรื่องได้ผูกโยงใจให้มาเกี่ยวข้องกันแนบเนียนอย่างน่าสนใจชวนติดตามกว่า ก็ไม่ใช่ว่าจะต่อว่าหรืออคิดหนังเกาหลี เพียงแต่เห็นความพัฒนาขึ้นมาอีกขั้นของหนังเกาหลี ที่มีหนังหลายประเภทที่ไม่ใช่จะมีแต่หนังตลกฮาขี้แตกขี้แตน หนังรักโรแมนติก หรือหนังพิศวาสฆาตกรรมโหดซาดิสต์ หรือหนังพิสวาสเลิฟซีนสุดๆ ที่ทำให้คนดูอายแทนหนัง ก็ต้องเป็นหนังเศร้าโศกเคล้าน้ำตา ที่มีแต่หนังเอเซียเท่านั้นที่อาจจะทำได้ดีกว่าหนังฮอลลีวู้ดซะอีก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น