วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

เฮลล์บอย 2 ฮีโร่พันธุ์นรก "Hellboy II: The Golden Army"

______เห็นแก่ความที่เคยเขียน Pan’s Labyrinth จึงต้องมีเขียนถึงฮีโร่อีกตน เป็นฮีโร่จากนรกที่สร้างสรรค์มาจากการ์ตูน ของไมก์ มิกโนล่า มากำกับเป็นภาพยนตร์โดย กีลเลอร์โม่ เดล โทโร่ ที่เป็นผู้กำกับเดียวกับหนังเรื่อง Pan’s Labyrinth ที่สร้างความยอดเยี่ยมมาแล้ว แถมยังเป็นผู้กำกับแนวสัตว์ประหลาดสุดบรรเจิดแต่ละตัวใน Hellboy มาตั้งแต่ภาคแรกหนังออกจะแอ็คชั่นแฟนตาซีได้น่าดูชมราวกับ MIB ที่ทำงานเป็นองค์กรเกี่ยวกับเรื่องเหนือธรรมชาติและคอยเก็บกวาดสัตว์ประหลาดแตกแถว ในภาคแรกนั้นดูธรรมดาไม่ค่อยมีอะไรพิเศษเป็นเพียงแค่การ์ตูนมาทำหนังส่วนดารานั้นเองน่าจะเซอร์ไพร์สคนดูที่สุด ดารารุ่นใหญ่อย่าง รอนเพิร์ลแมน ที่มีเค้าหน้าคางใหญ่เหมาะจะรับบทอย่างยิ่งที่จริงแล้วก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งคางแท้ ๆ ก็ได้ เอฟเฟคใบหน้าทำได้ถมเถไป แต่รอนเพิร์ลแมนก็ไม่ได้ขี้เหร่เท่าไร อายุก็มากแต่มักจะรับบทที่น้อยกว่าอายุจริงเสมอเขาเองก็ไม่เคยขึ้นแท่นดารานำระดับพระเอกกับหนังฟอร์มใหญ่มาก่อน สำหรับบทบุตรแห่งซานตานผู้นี้จึงเป็นที่ยอมรับได้ว่าเขาเหมาะจะได้รับ ที่ผมสงสัยกว่าคือบท ลิซเซอร์แมน จึงเลือกเอา เซลม่าแบลร์ ดูภาพเธอเป็นดาราค่าตัวถูกไม่ค่อยได้หนังดึงดูดคนดูซักเท่าไร ไม่ได้ขายความเซ็กซี่ ไม่ได้ขายความเป็นฮีโร่หญิง แล้วหนังเองก็ไม่ได้มีส่วนช่วยขยับให้เธอโด่งดังขึ้นเลย นั่นคงไม่ใช่ส่วนสำคัญของหนังเช่นเดียวกัน Hellboy II มีความโดดเด่นมากในเรื่องเนื้อหา ภาพปิศาจในเรื่องและบทแอ็คชั่นต่อสู้ของเจ้าชายลูอาดา (ลุคกอสส์) ร่ายรำได้เหมือนมวยจีนท่วงท่าสวยงามโดดเด่นมาก ลุคกอสส์เองก็ร่วมงานกับรอนเพิร์ลแมนและผู้กำกับมาก่อนใน Blade2 จึงแสดงได้เข้าขาดี หนัง Hellboy II นอกจากจะดำเนินเรื่องง่าย ๆ แค่ภารกิจหยุดยั้งการตามหามงกุฎทองคำที่จะให้อำนาจในการควบคุมกองทัพหุ่นเกราะทองคำแก่เจ้าชายลูอาดา ผู้ซึ่งเบื่อหน่ายมนุษย์ผู้ครอบครองโลก เจ้าชายลูอาดาฉีกสัญญาที่บิดาของตนมีต่อสิ่งมีชีวิตทั้งมวลว่าจะใช้ชีวิตแบ่งออกไปอย่างอิสระ แต่มนุษย์ต่างหากที่ไม่รู้จักพอ หลังสงครามแบ่งแยกเผ่าพันธุ์สัญญาที่มนุษย์ให้ไว้มันไร้ซึ่งความหมาย ในเรื่องก็ได้บอกเล่าเหตุผลโดยกษัตรย์บาเลอร์แห่งโลกอัศจรรย์ ว่าธรรมชาติของมนุษย์ไม่รักษาสัญญา ไม่รู้จักพอ โลภมากไม่สิ้นสุด แม้เจ้าชายลูอาดาจะโน้มน้าวเฮลบอยดู แต่เขาก็ตัดสินใจจะให้มนุษย์เป็นผู้ถือครองโลกด้วยการกำราบอมนุษย์ทั้งหลายที่จะรุกรานชีวิตมนุษย์ หนังฉีกความรู้สึกเดิม ๆ ที่คนดูมีต่อสัตว์ประหลาดรุกรานโลกว่าเป้าหมายเพียงแค่ยึดครองโลกให้ตนเป็นเผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่ แต่หนังใส่ไอเดียที่เป็นสาระมากกว่านั้น ถ้าอมนุษย์เหล่านั้นถือครองโลกนี้มาก่อนมนุษย์ล่ะ? ทุกวันนี้เราเองต่างหากที่เป็นผู้รุกรานแล้วยังมีหน้ามาสร้างหน่วยคุ้มครองป้องกันภัยจากอมนุษย์โบราณเหล่านั้นขี้ตู่ขนาดบอกว่าพวกปีศาจจะมายึดครองโลกของตน เป็นสิ่งที่น่าคิด สำหรับผู้กำกับแล้วจินตนาการที่ถ่ายทอดออกมาไม่ใช่แค่ผิวเผิน ในช่วงแรกของหนังที่จอ์หนเฮิร์ตรับเชิญมาแสดงสั้น ๆ บทเดิมศาสตราจารย์บรูมขณะยังมีชีวิตอยู่ ได้สอนสั่งเล่านิทานที่จะเป็นภารให้เอลบอยในวัยเด็กแบกรับไว้ในภายหน้า เป็นการปลูกฝังตามปกติของผู้ใหญ่ที่มักเล่านิทานก่อนนอนให้เด็กฟังว่า มังกรร้ายต่อสู้กับเจ้าชายรูปงามเพื่อแย่งชิงอาณาจักรเจ้าชายจะได้รับเจ้าหญิงแสนเลอโฉมตอบแทนความดีที่ตนจะได้จากการสังหารปิศาจมังกรเสมอ แต่สำหรับศาสตราจารย์บรูมนั้นได้เล่าออกมาได้แตกต่างกัน ทิ้งท้ายเพื่อให้เฮลบอยมีส่วนร่วมในความคิดและความตั้งใจในอนาคต ไม่ว่าโลกจะเป็นไปอย่างไรในอนาคตแต่เฮลบอยได้เลือกแล้วที่จะใช้ชีวิตราวกับมนุษย์คนหนึ่งกับแฟนสาวที่กำลังตั้งท้อง เป็นนัยว่าความสนุกของภาคต่อไปจะต้องเข้มข้นขึ้นยิ่งกว่าภาคที่ผ่านมาและภาคที่เพิ่งจบไปอย่างแน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น: