วันจันทร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2551
ส้มตำ
______เริ่มแรกผมก็สงสัยอยู่ว่า ทำไมไม่ใช่ผลงานของผู้กำกับร้อยล้านอย่าง ปรัชญา ปิ่นแก้ว ต้องได้ดูหนังก่อนถึงจะหายสงสัย “ส้มตำ” ก็แค่หนังดูเอามันธรรมดาที่บรรจุศิษย์เก่าของ พันนา ฤทธิไกร “เกิดมาลุย” ไม่ว่าตัวละครหลักหรือดารารับเชิญก็เติบโตมาจาก “เกิดมาลุย” แต่ละคนก็แยกย้ายกันไปดังตาม ๆ กัน โดยเฉพาะน้องนุ้ย โมเดลลิ่งหน้าหมวยที่หลงไปเล่น ไฉไล ขายความเซ็กซี่จนดีกรีมือหนักเท้าหนักลดลงต้องมาเกาสนิมใน “ส้มตำ” ช่วงโปรโมทก็กลัวว่าหนังจะขายความดังไปที่ฝรั่งอย่าง นาธาน โจนส์ แต่เมื่อดูแล้วคิดว่าไม่ใช่ ตัวละครหลักคือน้องแคท ศษิสา จินดามณี ที่วาดลวดลายแม่ไม้มวยไทยและมีฝีมือการแสดงแบบดราม่าแถมมาด้วยจนไม่ดูเหมือนหุ่นยนต์สังหารแบบ จา พนม ยีรัมย์ หนังถ่ายทำและมีเนื้อเรื่องแบบหนังเกรดบีแต่โปรโมทสูงยิ่งกว่าหนังเกรดเอ และก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระเทพฯ พระราชทานเพลงพระราชนิพนธ์ประกอบในหนังเป็นเพลงเอก ถือว่ายิ่งกว่าหนังเกรดเอเรื่องอื่น ๆ ของไทยซะอีก ฉากต่อสู้ก็ดูเป็นการแสดงเอาท่าไม่ค่อยมีน้ำหนักเท้าและหมัดซักเท่าไร ส่วน นาธานก็ดูเป็นแค่ “ยักษ์ตัวแดงพลังช้างสาร” แบบตัวประกอบอดทนที่ได้มีโอกาสแสดงนำ แต่ก็แสดงได้ไม่เท่าไร แต่ก็มองภาพฝรั่งตัวโตที่ไหว้ได้น่ารักดี แม้มุขตลกในหนังไม่ค่อยมีแต่ก็ทำให้อมยิ้มได้เวลาเห็นนาธานยกมือไหว้หรือทำอะไรเปิ่น ๆ ทั้งเรื่องดู ๆ แล้วนอกจากยักษ์ตัวเขียวก็ทำให้นึกถึง “ป๊อปอาย” ที่ต้องกินผักโขมก่อนถึงจะมีพลัง หนังแบบนี้สร้างกี่เรื่องก็ทำเงินครับ มีมาอีกก็ควักกระเป๋ากันไปดูอีก ส่วนน้องเกรซฝีมือการแสดงไม่มีตกเลยครับ ราบเรียบไม่ดีขึ้นเลยเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่ลูกเสี่ยใหญ่มีหวังต้องเก็บหน้าไว้แล้วโชว์แต่เสียงน่ารัก ๆ ในหนังการ์ตูนอย่างเดียวแน่
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น