วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2551

Cinema Paradiso (1988)


______ภาพยนตร์สายพันธุ์อิตาเลียนชื่อดังที่หลาย ๆ คนดูแล้วไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไรว่า หนังมันมีดีตรงไหนกันแน่ คนเขาถึงยอมรับกันนักหนาว่าเป็นหนังดีขึ้นหิ้งเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องราวของเด็กน้อยที่มีชื่อว่า ซัลวาโตเร่ ดีวีต้า และชื่อเล่นว่าโตโต้ ในวัยเยาว์ของเขาเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่เขาได้ทำอาชีพฉายหนังในโรงหนังพาราดิโซ่ เพราะคนฉายชื่อ ลุงอัลเฟรโด้ ซึ่งเป็นเพื่อนต่างวัยของเขาประสบอุบัติเหตุจนตาบอดทั้งสองข้าง หนังที่ฉายได้จะต้องผ่านการเซ็นเซอร์จากบาทหลวงในโบสถ์ก่อนทุกเรื่อง ฉากที่ตัดออกไปคือ ฉากจูบ เลิฟซีน โป๊เปลือย รุนแรง ฆ่าฟัน เป็นที่ขัดใจของคนดูมาก เพียงแต่ทางเลือกของหนังมีแค่โรงฉายเดียวก็จำต้องทนดู หลายปีต่อมาโตโต้ในวัยหนุ่มตัดสินใจไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศและจะต้องกลับมางานศพลุงอัลเฟรโด้ ความเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองที่สงบสุขที่สุดนั้นเปลี่ยนเป็นความเจริญที่เจริญแต่กาลเวลาและวัตถุ ส่วนจิตใจคนนั้นเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เสื่อมถอยลง ก่อนตายโตโต้ในวัยหนุ่มได้รับสิ่งของที่ลุงอัลเฟรโด้สัญญาว่าจะมอบให้จากมือของภรรยาอัลเฟรโด้ จุดนี้แหล่ะที่ผมคิดว่าคือความหมายของหนังเรื่องนี้ อย่างที่เห็นในโปสเตอร์ภาพหนูน้อยโตโต้มองแผ่นฟิล์มแล้วยิ้มอย่างไร้เดียงสา นั้นตีความหมายคือภาพหนังที่ถูกตัดออกไปทุก ๆ เรื่อง อัลเฟรโด้เก็บไว้ให้เขาทุกเรื่องแล้วนำมาต่อกันเป็นม้วนใหญ่ เมื่อโตโต้ได้ดูในโรงหนังส่วนตัวของเขาก็ซาบซึ้งถึงคำสัญญาที่ชายแก่มีให้เขา ภาพหนังที่ถูกตัดออกไปก็เหมือนกับ ความเสื่อมโทรมที่แอบแฝงเข้ามาในรูปของความบันเทิง บาทหลวงเป็นผู้คิดดีไม่อยากให้ศีลธรรมจรรยาของคนธรรมดาถูกครอบงำด้วยภาพลามกต่าง ๆ แต่สมัยนี้ห้ามกันไม่ได้แล้ว หนังเรื่องไหนไม่มีเลิฟซีนเจ๋ง ๆ ไว้เป็นจุดขายก็อาจจะไม่มีคนดู มีแต่โรงหนัง พาราดิโซ่ ในอดีตเท่านั้นที่ใส่ใจคนดูอย่างแท้จริง คำพูดของอัลเฟรโด้ที่ให้โตโต้จากบ้านเกิดไปอย่าได้คิดถึงเพราะบ้านเมืองของเขาเหมือนต้องคำสาปไม่ให้เจริญรุ่งเรืองเป็นเหมือนทั้งข้อดีและข้อเสีย ส่วนภาพความสัมพันธ์ที่งดงามระหว่างคนสองวัยรวมทั้งเสียงเพลงซาวด์แทร็คก็เป็นเพียงสีสันที่ทำให้หนังน่าดูขึ้นจนหลงประเด็นแฝงในหนังจนเข้าใจว่าหนังมีดีแค่ภาพสวย ๆ เพลงเพราะ ๆ เท่านั้น ใครคิดแตกต่างจากผมยินดีรับฟังเต็มที่ครับ

ไม่มีความคิดเห็น: