วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ปรมาจารย์รักสูตรพิสดาร "The Love Guru"

______ช่วงเวลาในแต่ละวันทำงานหากหาเวลาพักผ่อนได้ซักพักแล้วอยากดูหนังก็ควรจะหาหนังคลายเครียดมาดูซักเรื่องจะได้มีแรงไปทำงานกันต่อ ได้ยินมาซักพักแล้วว่ามีผลงานใหม่ของ ไมค์ไมเยอร์ ชื่อการันตีได้เลยว่าหนังตลกแน่ ๆ แม้จะได้ยินเสียงตอบรับหลังจากเข้าโรงไม่นานว่าเป็นหนังที่ชวนผิดหวังมากเรื่องหนึ่งทำให้ผมสงสัยว่า หนังตลกบ๊องส์ ๆ นี่มีการคาดหวังอะไรกันนักหนา อย่างนี้ยิ่งอยากจะหามาดูให้ได้ในตามถนัดของผมต้องฉบับโฮมเธียร์เตอร์เท่านั้น The Love Guru มีชื่อกูรู ที่เคยมีคนแปลตรงตัวได้กวนบาจาว่า "กูรู้" ชื่อหนังก็แปลให้ชัดเจนเลยว่า ปรมาจารย์รักสูตรพิศดาร ก่อนหน้าผมก็เคยดู Guru หนังฮอลลีวู้ดที่ เมลิซ่าโทเม และ ฮีทเธอร์เกรแฮม แสดงนำ ก็เป็นลักษณะใกล้เคียงแต่ออกจะ Sex Guru จึงโยนคำว่าลามกทิ้งไปได้เลยเพราะเขาตั้งใจ เพราะงั้น ไมค์ไมเยอร์จึงเบาบางกว่าในเนื้อหาแต่กลับหนักไปทางทะลึ่งทะเล้นหยาบโลนล้วน ๆ ยกคำว่าลามกกลับมาใช้ได้ เนื้อเรื่องก็งั้น ๆ ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงนัก หลังจากดูไปได้ซักพักผมก็เริ่มรู้สึกถึงความเละเทะของหนัง เป็นความเละเทะที่แสนสุดจะเลอะเทอะ เริ่มจากคนอเมริกันที่ไปอยู่อินเดียได้เรียนรู้และบำเพ็ญตนจนเป็นผู้รู้ในทุกด้านกับปรมาจารย์ เบนคิงสลี่ย์ ฤาษีตาเหล่อินเดีย ได้ตรงที่ตาเหล่นี่คงเป็นมุขตลกแบบไม่รู้จะเอาอะไรมาฮาแล้วกระมังก็ต้องปล่อยพ่อไมค์ไปก่อนเผื่อมีมุขเด็ด ก็ต้องฮาน้ำตาเล็ดกับ นักกีฬาฮ็อกกี้ผิวหมึกซึ่งกำลังไต่ระดับแชมป์ ถ้ารู้จักอเมริกันชนดีแล้วจะเข้าใจว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่คนผิวดำจะหันไปเล่นฮ็อกกี้น้ำแข็งสกี นี่เล่นเอามาเป็นตัวเอกของเรื่องเลยผมว่ามุขนี้ทำเอาคนผิวดำไม่ขำซักนิดไปซะครึ่งสหรัฐแน่นอน ดาราในเรื่องอีกคนที่จัดให้อยู่ในบทร้ายของเรื่อง จัสตินทิมเบอร์เลค ที่ไม่ค่อยมีงานแสดงเท่าไรนักแต่มีข่าวเป็นแฟนสำรองกับดารานักร้องอยู่บ่อยหลายคนผลัดกันชมภาพพจน์ไม่ค่อยดีแบบนี้มาหางานแสดงบ้างเลือกเอา The love Guru ไปก่อนต่อไปอาจจะมีผลงานดี ๆ อย่างเรื่องก่อน ๆบ้างก็ได้ The love Guru ตลอดทั้งเรื่องผมก็เห็นแต่มุขตลกเดิม ๆ ตามสไตล์ไมค์ไมเยอร์ที่หาดูได้ครบถ้วนแล้วจาก Austinpower ซึ่งเป็นหนังเครื่องหมายการค้าการันตีความสนุกที่มีมาถึงสามภาค เพียงแต่เรื่องนี้ไม่ได้เล่นเข้าคู่เข้าขากับ เวิร์นทรอยเออร์ นักแสดงตัวเล็ก ๆ ที่แทบจะเรียกว่ามาคู่บุญกับไมค์ไมเยอร์อยู่หลายปี เรื่องนี้มีมุขเจ็บตัวที่ดูแล้วน่าสงสารมากกว่าดูตลก ส่วนสำคัญที่สุดที่ผมคิดว่าคนดูพากันคาดหวังไว้คือ ความสวยเซ็กซี่ของ เจสสิกาอัลบ้า ซึ่งในเรื่องไม่ค่อยจะรู้สึกถึงความเซ็กซี่เลยซักนิด คุณเธอสวมบทนักธุรกิจสาวที่รับช่วงจากบิดาให้ดูแลทีมฮ็อกกี้น้ำแข็ง มีแต่ออกเสียงโวยวายบทบาทการแสดงก็น้อยนิด บทรักใคร่ก็จืดชืด จะมีดีนิดหน่อยตรงที่ได้เห็นเธอแต่งตัวเป็นสาวอินเดียร้องและเต้นโชว์องค์เอวเข้าท่าหน่อย ส่วนไมค์ไมเยอร์ผมคงต้องสับให้เละสุด ๆ เพราะโปรเจคนี้ของเขาคงทำไปโดยไม่มองตลาดเลยซักนิด มุขฮาก็ซ้ำเดิม ๆ ผมชอบที่เขาแสดงเป็น ออสตินเพาเวอร์ มากกว่า พิทก้า ในหนังยังคงเรียกเซอร์ไพร์สดาราใหญ่มาประกอบมากมายตามสไตล์เหมือนออสตินภาค 3 โกลเมมเบอร์ ที่เล่นเอาพี่ทอมครู๊ซโผล่มาตอนต้น ผู้กำกับดังอย่างสปีลเบอร์กมาเข้าฉากมีบทพูดเล็กน้อยแล้วจบปิดท้ายเซอร์ไพรส์ด้วยจอห์นทราโวลต้า ใน The love guru ก็มีดาราใหญ่มาประกอบแต่ไม่ค่อยจะตื่นตาตื่นใจเท่าไร แต่ที่ผมอดรับไม่ได้ที่เห็น เบนคิงสลี่ย์แสดงบทนี้ถ้ายังจำได้ว่าเขาเคยยรับบทเป็นมหาบุรุษเชื้อสายอินเดียใน คานธี มาก่อนถึงได้รับเชิญมารับบทปรมาจารย์ใหญ่ในเรื่องนี้ ยังไงช่วงหลังเบนรับงานไว้เยอะไม่ค่อยมีบทให้เขาลงดีซักเท่าไรที่ใช้ได้เห็นจะเป็น Lucky number ที่จริงไม่น่าไปเชิญมารับเล่นเรื่องนี้เลย แต่ก็ช่างเหอะนี่มันหนังตลกนี่นา ตอนนี้ฮอลลีวูดคงคาดหวังไมค์น้อยลงไปเยอะ ไม่นานเขาคงต้องมีหนังออกมาแก้ตัวแต่ก็หวังว่าจะไม่จมกับมุขเดิม ๆ แต่ไม่ต้องขนาดจะต้องไปเล่นหนังตลกร้ายตามถนัดของดาราตลกส่วนใหญ่ชาวบริติช หรือว่าไมค์ใกล้หมดยุคเหมือนตาจิมแครี่แล้ว คงต้องไปดูดารากำลังรุ่งอย่าง สตีฟคาเรล (Get Smart) พลาง ๆ ดูหนัง The love Guru จบรู้สึกยังไงบอกไม่ถูกคงต้องขอยืมคำพูดของ โหน่งชะชะช่า ว่า เนี่ย ! เอ็งจะเอาฮาไปถึงไหน ... ก็คงพอจะเข้าถึงนิยาม" หนังตลกที่กลัวคนไม่ขำจนเกินเหตุ จนอดไม่ได้ต้องว่ากระแทกกันซะหน่อย

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ สำหรับบทความดีๆ