วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

อำมหิตหลอนดับจิต "Pathology"

______จากเดิมที่เคยดูหนังซีรี่ย์อย่าง ER ผมค่อนข้างจะหลงเสน่ห์หนังเอามาก ๆ ด้วย จนกระทั่งได้ดูหนังแนวฆาตกรรมสั่นประสาทเรื่อง Pathology นี้ทำให้ต้องคิดหนักทีเดียว ต้องย้อนกลับไปนึกถึง Anatomie 2000 ที่ยังสั่นประสาทเสียวมีผ่าตัดคม ๆ กับกรรไกรแหลม ๆ ไม่หาย ก็ทำให้อดไม่ได้ที่จะต้องดูความน่าหวาดเสียวยิ่งกว่าเรื่องนี้ หนังไม่ได้เปิดตัวสวยงามอะไรมากมายหรือเป็นที่โด่งดังนักหนากลับกันดูเหมือนจะค่อนข้างเงียบมีเพียงกลุ่มคนดูเล็ก ๆ ที่สนใจอยากจะดูก็คงเป็นหลุ่มที่นิยมหนังโหด ๆ อย่าง Saw ที่เข้าใจวิธีโปรโมทแต่ก็ต้องหลงกลกับชื่อเรื่องตรงที่ "หลอน" นั้นผิดประเด็นทีเดียว หนังให้เน้นหนักไปที่กลุ่มหมอรุ่นใหม่ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ยังขาดความชำนาญการทางนิติเวชแถมยังหลงตัวเองเอามาก ๆ ทั้งที่งานล้นมือขนาดมีศพคนตายเป็นโขยงส่งมาให้ผ่าพิสูจน์อยู่รายวันไม่ขาดมือก็ยังท้าทายไม่พอเพราะกรณีศึกษามันง่ายเกินไปกระมังที่จะสันนิฐานสาเหตุการตายง่ายเกินไป เกมบ้า ๆ ชวนแสยะจึงได้เกิดขึ้น หมอเจคกัลโล (ไมเคิลเวสทัน)และผองเพื่อนสนุกกับเกมอุ้มมาฆ่าแล้วผ่าพิสูจน์แข่งกันใครฆ่าได้แยบยลที่สุดหาสาเหตุได้ยากที่สุด เกมมันคงสนุกมานานจนกรทั่ง หมอเกรย์ เท็ดเกรย์(ไมโลเวนติมิเกลีย) อัจฉริยะตัวจริงโผล่มาเข้าร่วมงานใหม่กับบรรดาหมอทั้งหลายในห้องดับจิตนี้ หนังเรื่องนี้มีภาพการผ่าตัดศพจำนวนมากมายหลายศพตลอดเรื่องจนทำให้ผมอยากจะคิดแบบซื่อ ๆ ว่าคงเป็นเทคนิคพิเศษที่ใช้ในการถ่ายทำหนังกระมังแต่มันเหมือนมากจนแทบรับไม่ได้ โดยเฉพาะอวัยวะต่าง ๆ ที่ผ่าออกมาทีละชิ้นทีละชิ้นหวังว่าคงไม่ต่างไปจาก Anatomie และ ER ที่ทำได้สมจริงมาก เพียงแต่กลุ่มหมอเลวพวกนี้ช่างชั่วช้าไม่เคารพคนตาย สิ่งนี้ทำให้หลายคนคงเริ่มตระหนักว่าขณะที่หมอสัปปะเหร่อพวกนี้กำลังผ่าพิสูจน์อยู่นั้นได้กระทำการปู้ยี่ปู้ยำศพบ้างซักเล็กน้อยรึเปล่า ผมจึงสบายใจอย่างที่คนไทยมีความเคารพต่อผู้ตายเสมอให้มีการขอขมาเป็นพิธีการที่จำเป็นก่อนและหลังผ่าพิสูจน์เสมอ ดูหนังแล้วผมรู้สึกชื่นชมบทบาทของไมเคิลเวสทันที่แสดงได้กวนบาทาและแสนเลวสุด ๆ แม้จะเคยผ่านสายตาในซีรี่ย์ ER มาบ้างแล้วผมก็อดขำไม่ได้ว่าเขายังฝีมือไม่พออีกหรือ คงเป็นมุขเล็ก ๆ ที่หน้าตาไม่พอจะให้เป็นพระเอกได้ ส่วนไมโลก็แสดงสีหน้าได้ราบเรียบไม่ค่อยสมบทบาทเท่าไรทำให้ความรู้สึกแค้นเคืองที่ผมรู้สึกจะมีมากกว่าเขาเสียอีก ทั้งที่คู่หมั้น (อลีซซ่ามิลาโน่) เสียชีวิตได้ฝีมือไอ้หมอเท็ดตัวแสบ ไมโลต้องเก็บกดอารมณ์ความแค้นไว้จนแทบดูไม่ออกเลยว่าเขาแค้นเป็นไฟแค่ไหน จึงทำให้เราได้เห็นภาพการล้างแค้นที่แสนเยือกเย็นโหดเหี้ยมอย่างที่สุด คนดูอาจจะงงเล็กน้อยถึงกรรมวิธีการล้างแค้น หมอเกรย์ได้วางยาแบบที่คล้าย ๆ วิธีที่เรียกว่าการบล็อกหลังให้ตัวชาแล้วทำการผ่าจากหน้าอกลงมาถึงท้องแล้วตัดเลาะซี่โครงออกกระทำการละเลงอวัยวะอ่อน ๆ หนักเบาแค่ไหนก็ไม่รู้แต่มันช่างสาสมกับการกระทำที่เขาเคยละเลงกับบรรดาศพหลาย ๆ ศพบ้างเหมือนกัน อะไรจะเกิดขึ้นถ้ายาชาหมดฤทธิ์ภายในเจ็ดนาที ถ้าดูเครดิตหนังตอนจนก็จะเห็นผู้ช่วยที่เคยเป็นลูกไล่มาตลอดนับถอยหลังจนถึงหนึ่งอย่างสะใจ... สรุปว่าผมชอบตอนจบของหนังเรื่องนี้ม๊าก ๆ เลยครับ

ไม่มีความคิดเห็น: