วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2551

ดิอาย ดวงตาผี "The Eye"


______หนังยังให้เครดิตกับต้นฉบับดีมากขนาดต้องเอ่ยชื่อก่อนหนังเริ่มว่าจากชื่อเรื่อง “คนเห็นผี” จำได้ว่า “คนเห็นผี” จะมีลูกเล่นก่อนอินโทรมีเงาหลังฉากขาวให้คนตกใจเล่นก่อนแต่เวอร์ชั่นฮอลลีวูดไม่มีอย่างนั้น เนื้อเรื่องก็เริ่มต้นตามต้นฉบับทุกอย่างที่จะไม่ให้ผิดเพี้ยนเท่าที่ทำได้ผมขอยกนิ้วให้ เป็นความพยายามของหนังเกรดเอ “the ring” ที่มีต้นฉบับญี่ปุ่นหนังสายพันธุ์เอเชียที่สร้างชื่อเป็นหนังรีเมกดีที่สุดและสร้างสาวกได้มากที่สุดเพราะสร้างจากนิยายโด่งดัง ก็คงรองจากแฮรี่พอตเตอร์ หนัง The Eye ความจริงหลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นหนังไทยแต่สำหรับผมคิดว่าเป็นหนังอ่องกงซะมากกว่า ดาราไทยมีแค่คนเดียวเพียงต้องอาศัยเหตุการณ์จริงรถบรรทุกก๊าซระเบิดในไทยในตอนจบของหนัง ไม่เหมือนกับ Shutter ที่เป็นหนังไทยแน่นอนแล้วก็รีเมกได้ตามต้นฉบับเปี๊ยบเกินไป The Eye ฉบับฮอลลีวูดถ่ายทอดออกมาต่างกับฉบับฮ่องกงไม่ใช่เรื่องเนื้อหาแต่ต่างกันที่ความเป็นหนังชวนสยองซึ่งจะว่าไปผีฉบับเอเซียดูน่ากลัวน่าขนลุกกว่ามากเพราะชาติเอเชียนิยมไหว้ผีชีวิตจึงผูกพันธ์กับผีการใส่รายละเอียดความน่ากลัวทำให้หนังน่าสนใจเป็นที่จับตาของฮอลลีวูดแต่ไฉนในเมื่อซื้อมาทั้งเรื่องก็น่าจะทำให้หนังดูน่ากลัวขึ้นหน่อย ตรงจุดนี้ผมถึอว่าห่างไกลความสำเร็จที่จะเทียบชั้นกับ The ring มาก ๆ และตอนจบของหนังเป็นเหมือนการได้ปลดปล่อยของพี่น้องแปงที่ยกเรื่องจริงที่มีรถก๊าซระเบิดจนมีคนตายจำนวนมากมาเปลี่ยนแปลงไม่ต้องให้ ผีลูกตาคาใจอยู่ว่าไม่ได้ช่วยใครเลย หนังจึงจบอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้ง ผิดไปจากหนังสยองขวัญอย่างที่ควรจะเป็น The Eye ถือเป็นหนังเรื่องแรกที่ที่พูดถึงผลกระทบของคนที่มองเห็นผี เรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับคนเห็นผีก็ได้แก่ Sixth sense และ Constantine ซึ่งหนังทั้งสองเรื่องน่าสนใจตรงที่เด็กน้อยและหนุ่มคีอานูรีฟใช้ความประโยชน์จากความเป็นคนเห็นผีดำเนินชีวิตต่อไม่ได้หนีปัญหามองภาพผีจนหวาดกลัวไม่กล้ามีลูกตา และไม่สนใจจะมองโลกอันสวยงามใบนี้ ก็อย่างว่า สาวซิดนี่ย์เป็นผู้หญิงธรรดาที่ใช้ชีวิตแบบมองไม่เห็นจนเคยชินและมีความสุขดีอยู่แล้วนี่ ไม่แน่ใจว่า หนังจบแบบแฮปปี้อย่างนี้แล้วจะมีภาคต่อรึเปล่าถ้ามีก็คงเปลี่ยนเป็นแนวสยองขวัญให้สมเป็นต้นตำรับคนเห็นผี ของจริง