วันพุธที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2551

รหัสลับระทึกโลก "The Da Vinci Code"

______หนังเรื่องนี้มีส่วนพิเศษมากมายที่ช่วยดันให้เกิดกระแสความดังตั้งแต่ยังไม่เริ่มถ่ายทำ เมื่อเริ่มฉายก็มีการต่อต้านจากพวกเคร่งศาสนา(คริสต์) จนต้องมีการเซ็นเซอร์หลายครั้งจนกระทั่งฉายออกมาได้ผมมีเพื่อนนับถือคริสต์ก็ให้ความสนใจที่จะดูหนังเรื่องนี้แถมขอซื้อเก็บเป็นที่ระลึกเพียงแต่คิดว่าเป็นหนังสนุก ๆ เรื่องหนึ่งไม่ได้ต่อด้านอะไรรุนแรง ความดังของหนังยังไม่สิ้นสุดอย่างที่รู้กันว่า The da vinci code เป็นหนังสือนิยายขายดีส่งให้หนังสืออีกเรื่องในซีรี่ย์ของ โรเบิร์ตแลงดอน มีต่อเนื่องและจะนำมาสร้างหนังเป็นภาคต่อที่ไม่แน่ใจว่าจะสานต่อปริศนารหัสลับบันลึอโลกเรื่องเดิมนี้หรือไม่? ก็เป็นโอกาสดีที่จะเขียนแสดงความคิดเห็น The da vinci code ถ่ายทอดจินตนาการโดยผู้กำกับ รอนโฮเวิร์ด ที่มีผลงานเยอะแยะมากมายหลากหลายแนว ผมเองพยายามมองให้เป็นภาพยนต์เพื่อความบันเทิงให้มากกว่าจะมองว่าตัวหนังเป็นประวัติศาสตร์ เพราะมีบทความงานเขียนที่แสดงความเห็นที่ขัดแย้งกับหนังโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะในเรื่องขององค์กรไพรออรี่ ออฟ ไซออน นั้นอาจจะไม่มีอยู่จริง ไม่มีเหตุผลสนับสนุนในเรื่องนี้จริง ๆ จัง ๆ ว่ามันจะต่อเนื่องจากสมัยก่อนได้อย่างไร แต่ก็มีสารคดีที่ทำมาก่อนหนังจะฉายซึ่งเป็นสารคดีราคาถูกจาก ST วีดีโอ ที่ขายตามเข่งลดราคาแต่กลับมาก๊อปปี้เพิ่มเป็นแผ่นDVD เพื่อสนองกระแสความดังไว้ขายคู่กับหนังมันช่างเป็นปรากฏการณ์แปลกใหม่ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ถ้าจะถือเนื้อหาตามสารคดีก็ยิ่งเกิดความขัดแย้งเข้าไปอีกเพราะเนื้อหาช่างสนับสนุนองค์กรดังกล่าวอย่างชัดเจนหนักเข้าไปอีก อย่างไรก็ตามมันก็ยิ่งทำให้หนังโด่งดังมากขึ้นเป็นทวีคูณ ในหนังเองผมรู้สึกสนุกตามหนังถึงการถอดรหัสต่าง ๆ จากผลงานจิตรกรเอกอย่างลีโอนาโด้ดาวินซีนั้นผมมองเป็นการลบหลู่ผลงานซะมากกว่า ถึงนัยที่แอบแฝงทั้งที่เป็นรหัสจริงและปริศนาทำเองโดยฝีมือ ‘ฌาคส์ โซนิแยร์’ ก่อนจะถูกฆาตกรรมทารุณ และแล้วหนังก็ดำเนินเรื่องชนิดแทบไม่ได้หยุดหายใจกับการไล่ล่าราวกับแมวจับหนู การเข้าคู่เข้าขากันระหว่าง “โรเบิรต์ แลงดอน” (ทอม แฮงค์) กับ “โซฟี เนอเวอ” (โอเดรย์ ตาตูว์) มันกลมกลืนเร็วเกินไปคงเป็นเพราะหนังมีเวลาจำกัดก็ให้อภัยกันได้ ผมมีความรู้สึกว่หนังจะมีความเข้มข้นสุดเพียงเฉพาะฉากคลี่คลายปริศนา Holy Grail ในภาพ The Last Supper นั้นชวนติดตามที่สุดและเป็นไฮไลท์สำคัญของหนังเพียงหนึ่งเดียวที่น่าเชื่อถือในแบบของ แดนบราวน์ผู้ประพันธ์ ผมขอชมจินตนาการถ่ายทอดของผู้กำกับ รอนโฮเวิร์ด ที่นำเสนอเนื้อเรื่องได้เกือบจบแล้วเกือบจบอีกต่อลมหายใจเฮือกถอนเฮือกถอนหนังไม่จบง่าย ๆ เสียที จนตอนจบผมอยากจะลุกขึ้นปรบมือกับคำปริศนาสุดท้าย แอ๊ปเปิ้ลที่ใช้เปิดกล่องปริศนากล่าวถือเส้นถนนสายกุหลาบนำไปสู่ประดิษฐ์กรรมยิ่งใหญ่ภายใต้แสงดาวพร่างพราย แล้วโรเบิร์ตแลงดอนก็คุกเข่าข้างหนึ่งเป็นการคำนับให้เกียรติพระมารดา แสดงถึงว่าเขาเคารพศรัทธามหาศาสดาผู้ยิ่งใหญ่มิได้ลบหลู่ที่อาจจะรู้ความจริงอันบันลือโลกนี้ เป็นการจบปริศนาหัวใจของหนัง ไม่ว่าจะมีผู้ต่อต้านจินตนาการของ แดนบราวน์ หรือสนับสนุนเขามันก็ส่งผลให้หนังสือขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เมื่อหนังฉายจบก็ส่งผลให้มีการจัดทัวร์นักท่องเที่ยวชม ทุกๆ สถานที่ถ่ายทำภาพยนต์ตามลำดับคลี่คลายปริศนาของหนัง แล้วอย่างนี้จะต่อต้านกันไปทำไมครับไม่เห็นหนังจะล่มเลย ยิ่งต้านหนังก็ยิ่งแรง เอาไว้รอดูภาคต่อ "Angel & Demons แล้วค่อยมาว่ากันใหม่

ไม่มีความคิดเห็น: