วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ค้นแผนฆ่า ล่าอัจฉริยะ "Fracture"

______มีคนถามว่าทำไม แอนโทนี่ ฮ็อปกิ้นส์ ถึงได้รับการยอมรับว่าเป็นคนฉลาดระดับอัจฉริยะเสมอ คงหมายถึงปู่ฮ็อปกิ้นส์ได้รับบทดี ๆ เป็นคนฉลาดทั้งในแบบที่เอาสมองไปใช้ในทางที่ดีและในทางที่ผิด ล่าสุดหลายเดือนก่อนก็มีผลงานมาให้ดู ชื่อเรื่องชัดเจนเลยว่าปู่ฮ็อปกิ้นส์เป็นตัวชูโรง Fracture เป็นหนังฆาตรกรรมซ่อนเงื่อนที่ผมมีความรู้สึกว่าค่อนข้างมีความอมหิตเอามาก ๆ ปู่ฮ็อปกิ้นส์ในบท เท็ดครอฟอร์ดวิศวกรอาวุโสที่มีภรรยาสวยอย่าง เจนนิเฟอร์ (เอ็มเบ็ธ ดาวิดทซ์) มักทอดทิ้งภรรยาไว้เดียวดายเพราะความบ้างานแต่ผมคิดว่าเจนนิเฟอร์ถูกเก็บไว้เป็นรางวัลแห่งชีวิตไว้เชยชมหลังเสร็จงานชิ้นใหญ่มากกว่า เรื่องที่เจนนิเฟอร์คบชู้สู้ชายนิรนามเข้าถึงหู เขาจึงวางแผนเพื่อสังหารภรรยา บังเอิญว่ากระสุนสังหารที่เจาะกระโหลกไม่ทำให้เธอเสียชีวิตในทันที สมองระดับวิศวกรของเท็ดครอฟอร์ดก็คิดออกว่าเขาอาจจะใช้เหตุการณ์นี้รอดตัวไปพร้อมกับกำจัดชายชู้ไปด้วยกัน ความอมหิตที่ผมกล่าวถึงก็เท็ดเฝ้ามองความทรมานของภรรยาตัวเองตลอดเวลาแล้วยังเสแสร้งทำเป็นห่วงเป็นใยรอวันเจ้าหญิงนิทราที่มีลมหายใจอยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยชีวิตจะถูกถอดเครื่องช่วยออกหลังจากเสร็จสิ้นแผนการณ์ทั้งหมด หลักฐานสำคัญคือ ปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นตัวแปรสำคัญในการเอาผิด นักสึบ ร็อบนูนัลลี่ (บิลลี่เบิร์ก) อยู่ในฐานะชู้รักของเจนนิเฟอร์ต้องหลงกลเรื่องปืนพกก่อเหตุทำให้ตกเป็นเป้าหมายในการล้างแค้นโดยที่ตนเองไม่รู้มาก่อนเลยว่าชู้รักของตนเองเป็นภรรยาและกำลังประสบเหตุฆาตกรรม หนังให้ความสำคัญในเรื่องบทสนทนาของเจ้าหน้าที่สืบสวนสืบ (เขายกระดับแล้วไม่ใช้คำว่า ตำรวจเฉย ๆ เพราะใช้เรียกตำรวจท้องที่ ) ที่สำนึกผิดการกระทำของตนเองขณะเดียวกันอารมณ์ความแค้นที่ต้องการเรียกร้องความยุติธรรมก็ทำให้สับสนถึงขนาดในคราวแรกที่ดูหนังผมไม่คิดว่ามันจำเป็นแค่ไหนที่ต้องฆ่าตัวตายชำระความผิดของตนเองทั้งที่หน้าทีการงานยังดีอยู่ แต่หนังให้น้ำหนักในเรื่องของความสำนึกผิดไว้สูง พระเอกตัวจริงของหนัง วิล บีซัม (ไรอัลกอสลิ่ง) ในบทอัยการหนุ่มไฟแรงที่ค่อนข้างยะโสโอหังทรนงในความสามารถของตนเองเขาว่าความเอาผิดมาตลอดเรียกได้ว่าประวัติการทำงานนั้นดีเด่น ผู้ร้ายไม่เคยรอดพ้นมือของเขา ด้วยประสบการณ์ทำงานของวิลยังไงก็เชื่อนักสืบร็อบว่าเท็ดครอฟอร์ดเป็นผู้ร้ายอย่างแน่นอน แต่ด้วยหลักฐานอ่อนไม่เพียงพอประกอบกับปืนก่อเหตุนั้นหาไม่พบการพิจารณาความของศาลจึงต้องตัดสินให้เท็ดพ้นความผิดอย่างง่ายดาย บทสรุปของหนังไม่อยากจะเล่าผมอยากจะให้อุดหนุนหนังเรื่องนี้ไปดูหน่อยเพราะมีประเด็นที่น่าสนใจและหลายคนคงมองข้ามไปสนิทคือความเป็นทริลเลอร์ของหนังนั้นลงตัวกับบทบาทของทุกคนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะท่านเซอร์แอนโธนี่ฮ็อปกินส์นั้นปกติท่านไม่เรื่องมากรับได้ทุกบาทแถมสีหน้าระหว่างรับบทช่างเข้ากันดีจนดูเหมือนปู่ฮ็อปกินส์เกิดมาเพื่อเป็นนักแสดงโดยแท้ คุณอาจเคยติดภาพจากบท "ด็อกเตอร์แฮนนิบอลแล็กเตอร์" ที่สีหน้าของเขาช่างยิ้มใจเย็นได้ดุดันซ่อนความน่ากลัวได้ล้ำลึก แล้วไฉนสีหน้าเดียวกันนี้เคยรับบท "เบิร์ตมอนโรว์" บ้านนอกอารมณ์ดีที่มีนิสัยอบอุ่นน่ารัก แล้วบทที่ผมคิดว่าคล้ายคลึงกับเรื่องนี้ก็ต้องเป็น The Edge 1997 ที่เคยเชือดเฉือนบทกับอเล็กซ์บอลวิน เนื้อเรื่องก็มีประเด็นเค้าโครงคล้ายกันคือ เศรษฐีที่โดนสวมเขา แต่กลับกันตรงที่ The Edge ตัวฮ็อปกิ้นส์เองที่กำลังจะถูกฆาตกรรมด้วยความเป็นคนฉลาดล้ำลึกจึงเอาชีวิตรอดมาได้ คาเร็คเตอร์เดิมของเขาใน Fracture ได้เปลี่ยนตัวเองเป็นผู้ร้ายซึ่งผมดูไปมากลับลุ้นให้เขาเอาตัวรอดให้ได้ในตอนจบ ซึ่งมันสวนทางกับความยุติธรรม ก็คงมีหนังไม่กี่เรื่องหรอกที่เราIn กับหนังแล้วเหมือนกำลังถูกหลอกได้สำเร็จ หนังยังเน้นการเจรจาหาทางหลอกล่อของอัยการหนุ่มที่ประสบความสำเร็จมาตลอดให้เขาแทบจะกลับกลายเป็นคนอ่อนหัดเพิ่งว่าความเป็นอยากจะงัดเอาวิชามารมาใช้ แต่ความยุติธรรมย่อมชนะความชั่วร้ายได้สำเร็จเสมอตราบใดที่ยังไม่โดนแทรกแซงจากอำนาจเงินเหมือนศาลสถิตยุติธรรมของบ้านเรายังคงได้รับความเชื่อถืออยู่

ไม่มีความคิดเห็น: