วันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ดับแค้นจอมคนเพชรฆาต "Road to Perdition"

______หลายวันก่อนได้ข่าวเศร้าการสูญเสียดาราใหญ่ “พอลนิวแมน” จึงขอร่วมไว้อาลัยคุณปู่นิวแมนด้วยการกล่าวถึงหนังระดับสุดยอดเรื่องหนึ่งที่ท่านปู่ได้ฝากผลงานไว้นิดหน่อย Road to Predition 2002 ซามูไรพ่อลูกอ่อน เอ๊ย! ไม่ใช่ ดับแค้นจอมคนเพชฌฆาต หนังสื่อระหว่า พ่อกับลูก สองคู่ที่ต่างต้องปกป้องลูกของตนเอง และเคารพกติกาของครอบครัวใหญ่ (มาเฟีย) พอลนิวแมนในบทจอห์น รูนี่ย์ เจ้านายใหญ่มาเฟียประจำท้องที่เองก็ทำหน้าที่พ่อที่ปกป้องลูกชาย คอนเนอร์รูนี่ย์ (แดนเนียล เครียก ก่อนจะเป็นเจมส์บอนด์) จนต้องหาแพะรับบาปแทนลูกชาย ตัดใจมุ่งเป้าไปที่ ครอบครัวซัลลิแวน โดยการฆ่าล้างโคตร แต่ก็มีสมาชิกเหลือรอด ปีเตอร์ซัลลิแวน (หนูน้อยเลียมไอเคน) และ ไมเคิลซัลลิแวน (ทอมแฮงส์) มือปืนประจำตระกูล จำต้องหนีการตามล่าครั้งนี้ ไมเคิลและลูกชาย หาเลี้ยงตัวเองด้วยการปล้นธนาคารไปเรื่อยเก็บเงินไว้สร้างชีวิตใหม่ แต่การตามล่าย่อมไม่สิ้นสุด พอลนิวแมนในบทเจ้าพ่อก็แสดงตบะของผู้นำไปพร้อมกับสีหน้าอ่อนโยนที่เสียดายความผูกพันกับไมเคิลที่มีราวกับพ่อและลูก หนังอาจจะดูงงได้ถ้าบรรดานักดูหนังมือใหม่ไม่เข้าใจกฏของเจ้าพ่อมาเฟีย จุดเปลี่ยนของหนังมาตรงที่ทอมแฮงส์ได้ใบเขียวจากเจ้าพ่อใหญ่ตัวจริงแห่งเมืองชิคาโก้ ในการกำจัดพอลนิวแมนด้วยเหตุผลทุจริตผลประโยชน์ของครอบครัวใหญ่รวมถึงแดนเนียนเครียกลูกชายตัวการตัวจริง ฉากสำเร็จโทษของทอมแฮงส์ถือเป็นภาพคลาสสิคของหนัง พอลนิวแมนในวัยแปดสิบและพรรคพวกเสียท่าโดนกระหน่ำยิงด้วยปืนกลทอมสัน เป็นอันปิดบทบาทในเรื่องของพอลนิวแมน ดาราใหญ่ค้างฟ้าที่มักแสดงหนังในบทดีมากกว่าบทร้าย กระทั่งตายไปพร้อมกับลูกของตน นับเป็นการแสดงความรับผิดชอบด้วยชีวิต อย่างไรก็ตาม มือสังหารอีกคน จู๊ดส์ลอว์ ที่ฆ่าคนแล้วทำทะเบียนประวัติเป็นผลงานศิลป์ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกนับเป็นเรื่องแปลกที่เหมือนกับเป็นการล้อเลียนหนังมาเฟียหลาย ๆ ที่มักมีภาพอาชญากรรมประดับในหนังอยู่เรื่อย ผมมองหนัง Road to Predition เป็นเหมือนหนังล้อเลียนมากกว่าถ้าคิดในแบบปีนบันไดดู เป็นหนังที่ออกจะซีเรียสจริงจังเป็นบทสรุปของธุรกิจเถื่อนที่ทำกันอย่างเปิดเผยในสมัยก่อนแล้วก็สูญพันธุ์ไปในสมัยปัจจุบันนี้ เพียงแต่การสานต่อความป่าเถื่อนได้จบสิ้นลงแล้วด้วยไคลแม็กซ์ง่าย ๆ ที่ปีเตอร์ซัลลิแวนไม่ต้องเป็นคนยิงมือสังหารฮาเลน แต่ไมเคิลยังมีลมหายใจเฮือกสุดท้ายสำเร็จโทษศัตรูร่วมอาชีพเองแทนที่จะให้ลูกชายต้องเป็นคนเปื้อนเลือดหยุดสุดท้ายไม่เช่นนั้นวังวนแห่งอิทธิพลเถื่อนก็ยังคงวนไม่สิ้นสุด ในแง่ของความน่าดูของหนังก็ต้องยกให้ผลงานกำกับของ แซมเมนเดส ที่เพิ่งทำหนังได้รางวัลออสการ์ American beauty 1999 หนังปีนบันไดสูงมากในการที่จะเข้าใจ ก็เลยทำให้คอหนังไทยระแวง Road to Predition อยู่พอสมควร ดาราใหญ่อย่าง ทอมแฮงส์ก็เพิ่งเริ่มจะจับปืนในหนังสงคราม Saving private ryan ก็ได้มาจับปืนอีกครั้งเป็นเรื่องที่สองจึงเป็นเรื่องที่ชวนติดตามอย่างยิ่ง ในแง่ของการแสดงก็ไม่มีอะไรโดดเด่นไปกว่าการดำเนินเรื่องของหนังเรื่อยเอื่อยตามไตล์หนังเลียนแบบย้อนยุคกับบทพูดที่ไม่ค่อยยาว แซมเมนเดสยังคงใช้ลักษณะของการเล่าเรื่องเป็นหลักอยู่ตลอดไปถึง หนังอย่าง JarHead ยังไงก็ตามสำหรับคอหนังสูงอายุก็ได้ชื่นชมผลงานช่วงปลาย ๆ ชีวิตของ พอลนิวแมนในบทร้ายที่ทรงอิทธิพลคาเร็คเตอร์เท่ห์และสง่างาม ดูหนังจบก็ต้องสำรวจความผูกพันในครอบครัวระหว่างกันและกันว่าเราได้ใส่ใจปกป้องครอบครัวเราเองแค่ไหน สู้สองพ่อลูกคู่นี้ได้รึเปล่า?

ไม่มีความคิดเห็น: