______นาน ๆ ทีหาหนังดูยาก ๆ สไตล์ยุโรปมาดูบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับไม่ได้อะไรเลยนอกจากชื่อที่ฟังโรแมนติกแบบนี้ “The Fountain” เป็นหนังรักโรแมนติก วิทยาศาตร์ อวกาศ ธรรมชาติ ย้อนเวลา ปรัชญา แล้วแต่คนแต่งจะสื่อถึงคนดู สำหรับผมแล้วหนังแนวนี้ชวนให้หลับอยุ่เหมือนกันแต่เรื่องราวในอดีตสมัยสเปนล่าอาณานิคมชาวมายันนั้นก็น่าสนใจนำมาผูกเรื่องที่ทิ้งปริศนาไว้ในเรื่อง ราวกับว่า ฮิวจ์แจ็คแมน ในบทนักวิทยาศาสตร์โธมัส คลีโอ เขาผจญวิบากรรมการกลับชาติมาเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าซึ่งจะต้องสูญเสียคนรักในทุกชาติไป บรรยากาศของเรื่องซึ่งดูเหมือนยุคปัจจุบันหรือไม่ก็อานาคตอันใกล้ในชาติปัจจุบันหมอโธมัสเองก็ยังต้องพยายามค้นหาวิธีการรักษามะเร็งซึ่งเป็นโรคร้ายที่จะพรากชีวิตภรรยาสุดที่รัก อิซาเบล (ราเชลไวซ์) ปมปริศนาที่ผูกโยงใยในชาติก่อน ๆ ค่อนไปทางดินแดนแถวเปรูช่วงที่อารยธรรมมายาโบราณกำลังถุกทำลาย นักรบคนสุดท้ายค้นหาน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ในบริเวณนี้ ต้องรบราฆ่าฟันแย่งชิงกันจนได้พบปรัชญาของการมีชีวิตอมตะ สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ใช่น้ำพุ แล้วเขาจะต้องอาศัยหนทางอะไรได้อีก The Fountain น่าจะหมายถึง อมตะรักรันทด ที่ได้รับการดัดแปลงเป็นนิยายต่อความพยายามของคู่รักที่มีให้กันในการปกป้องดูแลรักษาชีวิตและความรักให้มั่นคงยั่งยืนชั่วนิรันดร์ สุดท้ายแล้วแนวของหนังน่าจะดีชวนให้เคลิ้มฝันไปกับภาพมายาแต่สิ่งที่เห็นที่เป็นอยู่ผมว่าหนังออกจะดูหดหู่ซะมากกว่า
______ การที่หนังจะโปรโมทดารานำทั้งสองคนก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้ฮือฮาได้ยิ่งทำให้ดูเหมือนเป็นคู่ที่ไม่เหมาะจะมาแสดงด้วยกันซะยิ่งกว่า ผมไม่ได้หมายถึง ฮิวจ์แจ็คแมนไม่หล่อ เขาออกจะมีเสน่ห์ในมาดเซอร์มากกว่าจะมาแต่ตัวเป็นหมอหรือนักรบโบราณ ส่วนราเชลไวซ์ก็ไม่ต่างกันดูคาเร็คเตอร์เธอไม่ใช่สาวหวานโรแมนติกซักเท่าไร หนังเรื่องนี้จึงเป็นหนังอีกเรื่องที่ไม่มีใครรู้จัก หนังออกแนวอาร์ทยิ่งทำให้ดูยากจนอยากจะพูดว่า “นี่มันหนังบ้าอะไรกัน” สุดท้ายกลายเป็นหนังที่ดาราแสดงนำทั้งคู่อยากลืมไปด้วยซ้ำว่าเคยเล่นหนังเรื่องเดียวกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น