วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2551
อาข่าผู้น่ารัก "Mheejou"
______ลองอุดหนุนหนังไทยอีกเรื่องที่พอจะฮือฮาบ้างเล็กน้อย ก็ระดับโปรดิวเซอร์ลงมากำกับเองบ้าง คุณสุกัญญา วงศ์สถาปัตย์ ได้ยินชื่อจากผลงานโปรดิวเซอร์หนังไทยหลาย ๆ เรื่องก็ถือว่าคลุกคลีกับวงการมาพอสมควรแต่ต้องจัดว่าเป็นหนังไทยที่ค่อนข้างตลาดเพราะคุณเธอเน้นที่จะเอารายได้เป็นผลงานแต่ไฉนกลับมาทำหนังที่คาบลูกคาบดอกว่าแนวชาวเขาจะทำเงินได้เนี่ย "อาข่าผู้น่ารัก" กับความน่ารักของเด็กญี่ปุ่นมาแสดงก็ไม่เข้าใจว่าเด็กไทยไม่ดีตรงไหนแค่สร้างความแปลกใหม่เฉย ๆ เพราะดูไปมาขัดใจตรงที่ต้องลงทุนพากย์เสียงทั้งที่หนูน้อยพอจะพูดได้บางคำก็จับมาแสดงแล้ว เทรนด์นี้คงไม่ห่างจาก โน๊สอุดมแต้ ก็หานางเองมาแสดงหนังใน "อีติ๋มตายแน่" ก็ค่อยรอดูว่ารายได้จะทำให้ใครกันแน่ต้องตายดับ ว่ากันต่อกับเรื่องราวของน้องหมี่จู (ฟูอาน่าฮิโรยาม่า คุ้น ๆ ว่าชื่อยาม่าหมายถึงภูเขาตรงนี้กระมังที่เธอเหมาะจะมาแสดง) ที่สร้างความป่วนให้กับชาวหมู่บ้านอาข่าที่น่ารักทุกคน โดยเฉพาะพ่อหลวงหรือผู้ใหญ่บ้านที่มีกฏว่าใครที่ทำความเสียหายให้หมู่บ้านจะถูกขับไล่ออกไปอยู่ที่อื่น หมี่จูต้องอยู่กับน้าสาวที่เคยโดนขับไล่เช่นกันเพียงแต่ว่าผู้ใหญ่จะเข้าใจอะไรดีกว่าเด็กเมื่อโดนขับไล่ก็ไม่กล้ากลับไปแต่สำหรับเด็กไร้เดียงสาพอร้องอยากกลับก็ได้กลับเพียงแต่ต้องสัญญาจะไม่ก่อกวนใด ๆ อีก เด็กก็คือเด็กรับปากไปงั้น ๆ เดี๋ยวก็ก่อเรื่องอีก ขณะเดียวกัน พี่แป้น (พิมพรรณ ชลายนคุปต์) ทีมงานจัดรายการทีวี "กระจกเงา" ก็มาจัดรายการบนดอยของเผ่าอาข่า ชื่อโครงการ "ทีวีบ้านนอก" เพื่อนำเสนอสู่สาธารณะชนเพียงแต่ต้องทดลองออกรายการผ่านสายเอวีให้ชาวอาข่าชมก่อน นั้นเป็นที่มาของเรื่องราวหมี่จูที่ได้กลับไปหมู่บ้านแล้วช่วยเหลืองานเล็กน้อยให้พี่แป้นและทีมงานจนเกิดความสัมพันธ์อันดีในตอนท้ายของเรื่องถือเป็นไคลแม็กซ์ เมื่อรายการไม่มีความน่าสนใจและกำลังจะยกโครงการกลับหมี่จู่ได้สร้างเซอร์ไพร์ซให้กับรายการเพียงแค่ผู้ใหญ่ได้เปิดใจรับฟังเด็ก ๆ บ้าง เพียงแค่ภาพถ่ายของเพื่อนบรรดาเด็กที่เคยถูกขับไล่ฝากส่งกลับผ่านมือของหมี่จูมาให้ครอบครัว หมี่จูซึ่งกำลังจะถูกขับไล่อีกครั้งขอออกทีวีเพื่อเป็นสื่อผ่านของฝากจากเพื่อนที่สำคัญคือหมี่จูได้มีโอกาสระบายความในใจออกมาให้ผู้ใหญ่ได้ฟังหัวใจน้อย ๆ ของเด็กคนนี้ที่เปรียบไปก็เหมือนหัวใจทุก ๆ ดวงของเด็กน้อยมารวมกันเพื่อได้มีโอกาสพูด แม้หนังจะจบอย่างน่าประทับใจแต่ก็มองเห็นถึงความอ่อนหัดยังถ่ายทอดความรู้สึกของความดราม่าได้ขาด ๆ เกิน ๆ อย่างที่ไม่น่าจะเป็น ถ้าหลับดาดูหนังเรื่องนี้ผมจินตนาการได้สูงกว่าภาพที่เห็นมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะไคลแม็กซ์แล้วความเข้าใจของเด็ก ๆ หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ยังรู้สึกงงว่าอาข่าน้อยทำไมอยากออกทีวีนักเมื่อได้ออกแล้วมันได้ประโยชน์อะไรอีกถึงได้ซึ้งกันนักหนาแค่เอารูปถ่ายให้เท่านั้นเองถึงกับน้ำตาไหลเชียวหรือ นั่นแหล่ะ! ประเด็นที่ต้องเอามากล่าวก็ในเมื่อดีกรีของผู้กำกับสูงขนาดนี้แล้วไยถึงได้สื่อสารผิดพลาดได้ขนาดนี้คนดูไม่เข้าใจ ทำให้ผมต้องอธิบายว่า "นานมาแล้ว" ชาวอาข่ามีกฏว่าคนผิดต้องถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้านแล้วไม่ได้กลับมาอีก ภาพถ่ายเป็นสิ่งที่แทนความผูกพันธ์ระหว่างคนในครอบครัว ข้างหลังภาพนั้นคือความรักความอบอุ่นในช่วงเวลาที่ได้อยู่ร่วมกัน หนูน้อยหมี่จูหัวใจยังเด็กเกิดความไม่เข้าใจว่าทำไมความสัมพันธ์ของครอบครัวที่ขาดจากกันนั้นถึง "ต่อติดกันใหม่ไม่ได้หรือ?" การให้อภัยในสิ่งที่เกิดขึ้นนานมาแล้วน่าจะต้องหมดสิ้นไป กฏไม่ได้มีไว้ให้แหกแต่กาลเวลาที่ผ่านไปแสนนานน่าจะให้อภัยและลดหย่อนได้ เพียงแต่เขียนจดหมายถึงกันบอกส่งความคิดถึงกัน สายใยครอบครัวที่ไม่ได้ขาดเพียงแต่ถูกลืมไปน่าจะกลับมาใหม่ได้ นั้นเป็นสิ่งที่ผู้กำกับจะต้องสื่อให้ชัดเจนกว่านี้ ผมดูแล้วหนังไม่ได้ขาดคุณภาพเท่าไรแถมทีมงานก็ยังพร้อมเอามาก ๆ ไว้ค่อยแก้ตัวใหม่ได้นะ ขนาดหัวหน้าหมู่บ้านยังให้อภัยหมี่จูแก้ตัวตั้งหลายหนแล้วคนดูหนังนั่งเฉย ๆ อย่างเรา ๆ ก็ย่อมให้อภัยหนังไทยที่อุตส่าห์ตั้งใจทำนี้ได้เหมือนกันครับ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น