______หนังเรื่องนี้ยังคงเป็นหนังล่าสุดของจิมแครี่ที่ยังเรียกได้ว่าน่าประทับใจหลังจากผ่าน Bruce almighty บทที่เล่นเป็นพระเจ้าขี้เล่นที่พอจะทนดูได้และก่อนที่จะไปแย่กับบทคุณฟิงเกอรริ่งหรือ วอลเธอร์สแปโรว์ใน Number 23 จนท่าทางจิมแครี่จะอยู่ขาลงเดินบันไดฮอลลีวู้ดไม่ขึ้นแน่ถ้าไม่ได้บทดี ๆ มากลบ ที่หยิบยก Lemony Snicket's เรื่องนี้ขึ้นมาเพราะกำลังนึกถึงหนังสืออ่านเล่นสำหรับเยาชนที่แปลเป็นภาษาไทยแล้วจัดว่ามีคนรู้จักอยู่พอสมควรเนื้อเรื่องก็ไม่ได้ยืดยาวมากต้องยอมรับจริง ๆ เลยว่าหนังเกรดเอสมัยนี้ส่วนใหญ่แล้วยกมาจากหนังสือมากกว่าจะเขียนขึ้นมาใหม่ เพราะการแต่ขึ้นมาใหม่ได้ห่วยจะถูกจัดให้เป็นหนังเกรดบีทันทีและที่สำคัญคนตะวันตกนิยมอ่านหนังสือมากกว่าดูทีวีส่วนพวกผ่าเหล่าที่ชอบดูทีวีมากกว่าอ่านนั้นจะถูกจัดเป็นพวกหนึ่งของสังคมไปเลยทีเดียว ฉะนั้นการที่เราจะมานั่งอ่านวรรณกรรมเยาวชนของชาติไหนก็ตามผมยอมรับได้ว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสม แล้วถ้าหนังสือได้รับความนิยมสูงจนนำมาสร้างหนังก็ยิ่งทำให้ประสบความสำเร็จได้ง่าย อย่าง Lemony Snicket's ผมว่าเหมาะอย่างยิ่งที่จะให้จิมแครี่รับบทแปลก ๆ ที่แตกต่างออกไปแม้จะเป็นบทร้ายก็ตามแต่ที่จริงแล้วเขารับแค่บทเดียวคือ เคาท์โอลาฟ ที่ปลอมตัวเป็นบรรดาญาติทั้งสนิทและห่างของเด็ก ๆ Lemony Snicket's ตอนเป็นหนังสือก็ดีอยู่แต่ตอนเป็นหนังนี่กลับถูกจัดอยู่ในชั้นวางของหนังประเภทตลกร้ายหรืออาจจะไม่มีตอนตลกเลยมีแต่ตอนร้าย ๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าถึงความโชคร้ายของพี่น้องโบดแลร์ซึ่งเล่าเรื่องโดย จูดลอว์ หนูน้อยทั้งสามประกอบด้วยพี่สาวคนโต ไวโอเล็ต (เอมิลี่บราวนิ่ง) นักประดิษฐ์ผู้แก้สถานการณ์เฉพาะหน้าได้ดีเสมอ น้องชายคราอัส (เลียมไอเคน คนนี้มีผลงานการแสดงมาเยอะ) นักอ่านผู้รอบรู้และน้องสาวคนเล็กซันนี่จอมกัดผู้น่ารักน่าชัง ว่าด้วยทั้งสามโชคร้ายต้องตกเป็นเด็กกำพร้าเนื่องจากสูญเสียพ่อแม่จากไฟไหม้บ้าานจึงต้องหาผู้ปกครองจากบรรดาญาติโดยที่มีมรดกติดตัวอยู่พอสมควรจึงเป็นที่หมายปองจะเป็นผู้ปกครองของเคาท์โอลาฟ ทำให้ญาติดี ๆ ที่รับเลี้ยงดูต้องประสบชะตาขาดจากการมาเยือนในรูปแบบต่าง ๆ ที่เคาท์โอลาฟปลอมตัวมา ในแต่ละตอนของเรื่องจึงเป็นเรื่องที่ทำให้ต้องมองชะตาชีวิตที่กำลังจะสดใสแต่จบลงด้วยโลกอันร้ายกาจ การสูญเสียญาติไปทีละคนกับหนังสือในแต่ละตอนที่รวบรวมมาเป็นภาพยนตร์ดูมันจะรวบรัดจนน่าหดหู่ แต่อย่างน้อยเราก็ได้เห็นดาราหลายคนที่ได้ร่วมแสดงประกอบล้วนเป็นดาราจอเงินระดับบิ๊กทั้งสิ้น และเราก็ได้เห็นคุณค่าของความเป็นคนเอาตัวรอดด้วยสัญชาติญาณติดตัวอย่าง สาวน้อยไวโอเล็ตเป็นนักประดิษฐ์เมื่อใดที่เธอรวบผมตั้งสมาธิมั่นคงก็มักจะมีความคิดดี ๆ ประดิษฐ์สิ่งต่าง ๆ และแก้ไขสถานการณ์เอาตัวรอดนับเป็นตัวอย่างของเยาวชนดีเด่นที่มีความเป็นพี่ใหญ่ใจดีห่วงใยน้อง ๆ สมเป็นผู้นำ หนูน้อยคราอัสก็เป็นนักอ่านตัวยงเขาอ่านหนังสือแทบจะตลอดเวลาที่ว่างจนมีความรู้จากการอ่านติดตัวมาใช้ได้ก็ถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดีเป็นอย่างมากการรักหนังสือทำให้เราเอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ได้ด้วยเช่นกัน แม้หนังสือจะเป็นที่รู้จักทั่วไปแต่ก็มีหลายคนที่ไม่ค่อยปลื้มกับความยืดเยื้อของเรื่องราวที่มีหลายเล่ม กว่าเคาท์โอลาฟจะได้รับผลกรรมจากการกระทำของตนเองในตอนจบแต่เขาก็เล็ดลอดอันตธารหายตัวไปอย่างลึกลับจนเราไม่รู้เลยว่ายังจะมีโชคร้ายอะไรมาเยือนพี่น้องโบดแลร์อีกหรือเปล่า เพราะถ้าเป็นชีวิตจริง การที่เราได้รับเรื่องร้าย ๆ มาตลอดชีวิตจนรู้สึกว่ามันน่าจะผ่านไปแล้วต่อไปเราก็ควรจะได้พบกับโชคดีซะที การมองโลกในแง่ร้ายก่อนหันมามองโลกในแง่ดีนั้นมันช่างทำให้โลกสดใสกว่าที่มองเห็นอยู่มากนัก หนังเรื่องนี้มีครบรสความสุข ความร้ายกาจ ตื่นเต้นในหลาย ๆ ตอน แต่ก็หนักสมอง ไม่ถึงขั้นทำให้ซีเรียส แต่เท่าที่รู้มามันก็ทำให้หลายคนเลิกอ่านหนังสือเล่มที่เหลือหลังจากออกมาสิบกว่าเล่มไปเหมือนกันคงเพราะทนความโชคร้ายที่ยืดเยื้อไม่ค่อยได้กระมังครับ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น