วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2551

วิบัติการณ์สยองโลก "The Happening"

______จะเกิดอะไรขึ้นถ้าโลกมีแต่คนขาดสติแล้วเอาชีวิตเองทิ้งลงพื้นดิน คิดตามหลักวิทยาศาตร์ก็คือ การโยนสัญชาติญาณเอาตัวรอดทิ้งไปซะแล้วเปลี่ยนสัญชาติญาณดิบปลิดชีวิตตนเองใส่แทน ถ้าธรรมชาติต้องการทำอย่างนี้นั่นก็คือภาพชัดเจนที่สุดของคำว่า “ธรรมชาติเอาเรื่อง” (ลงโทษ) หนังทุกเรื่องของผู้กำกับ ไชยมาลาน ผมติดตามหมดตั้งแต่เรื่องแรกจนปัจจุบัน เขาเป็นผู้กำกับเชื้อสายอินเดีย เป็นเหมือนตัวแทนคนเอเชียที่ทำแต่หนังฮอลลีวู้ดเท่านั้น จะไม่กล่าวถึงหนังเก่าของเขาก็เป็นการยาก เพราะล่าสุดสำหรับ “Lady in the water” เป็นหนังที่มีเครดิตว่าเขาแต่งเนื้อเรื่องเอง แล้วคว่ำหงายเก๋งไม่เป็นท่าจนน่าร้องไห้เสียดายตังค์นายทุนที่นำมาสร้าง The Happening แถมเรื่องเท่ห์ ๆ อีกเรื่องเพราะว่าหนังมีอีกชื่อว่า The Green Effect เป็นชื่อเล่น(แล้วยังชื่ออื่น ๆ สนองความดังทั่วโลก) ก็ทำเรื่องสยองด้วยทุนต่ำ ๆ ได้สำเร็จลุล่วงดีเกินคาด คนดูคงต้องใจหายใจคว่ำลุ้นเอาชีวิตรอดจากอุบัติการณ์สายลมสังหารที่ธรรมชาติจะเอาชีวิตมนุษย์โดยไม่มีเหตุผล..และมันเป็นแค่สัญญาณเตือนเหมือนเป็นตัวอย่างว่าไม่ใช่แค่มนุษย์จะทำลายธรรมชาติได้ แต่ธรรมชาติที่เคยแต่รักมนุษย์นั้นถ้าเปลี่ยนเป็นเกลียดคนก็ไม่รอดซักคนเดียว ไม่ต้องไปห้องสมุดหรือค้นในอินเตอร์เน็ทหรอกว่าต้นไม้ปล่อยสารพิษแบบนั้นได้จริงรึเปล่ามันไม่ใช่ประเด็น ประเด็นก็คือ มันก็แค่หนังสยองที่หนังเรื่องหนึ่งจะผูกเรื่องให้ดุณได้ดูได้ชมสนุก ๆ เท่านั้นเอง แล้วก็ไม่ใช่ความแปลกใหม่ในวงการภาพยนตร์เลยด้วยที่จะสรรหามหันตภัยธรรมชาติมาทำหนัง หรือหาไวรัสร้ายแรงชนิดสัมผัสปุ๊บตายปั๊บไม่ก็กลายเป็นซอมบี้มาอาละวาด สำหรับ The Happening เป็นการแก้มือครั้งสำคัญที่เขาจะเรียกศรัทธาจากแฟนพันธุ์แท้ผลงานของไชยมาลานกลับคืน ผมต้องยอมรับความเปลี่ยนแปลงของเขา เพราะเรื่องใหม่นี้เขาไม่ได้เข้ามาร่วมแจมเข้าฉากด้วย ปกติจะเห็นไชยมาลานมีบทเล็ก ๆ เป็นตัวประกอบและมีบทพูดไม่กี่นานแค่ฉากเดียวเสมอ และหนังก็ดำเนินเรื่องไปอย่างรวดเร็วไม่ตั้งกล้องแช่เป็นลองช็อตอย่างเรื่องก่อน ๆ หรือเขาอาจจะฟังความคิดเห็นเพื่อนร่วมงานอย่าง มาร์กวอลเบอร์ก ที่เพิ่งจะขึ้นจอฉายเดี่ยวแบบไม่ต้องมีดารายักษ์ใหญ่ประกอบดึงดูดความดังเขาไปเสมอ จนทำให้คิดขึ้นมาอีกว่า ไชยมาลานลองของซะเหมือไม่ใช่แนวเดิม จุดนี้ผมถือว่าไม่ใช่ตัวตนของเขา บางทีอาจจะถึงจุดที่เขาเองอึดอัดใจกับแรงกดดันของนายทุนมากเกินไปก็ได้ เมื่อดูหนัง The Happening จบผมนึกภาพไชยมาลานพูดประชดออกมาดัง ๆ ว่า “เอาเลย! ผมจะทำหนังให้คนดูกลัวจนขี้แตกไปเลย คอยดูสิ...” ในที่สุดหนังก็ไม่เจ๊งแถมได้กำไรจนโด่งดังสร้างกระแสพอสมควร ไชยมาลานก็ไม่ตกงาน นั่งเก้าอี้กำกับคิดพล็อตหนังเรื่องอื่นที่สยองแปลกใหม่ต่อไปเหมือนเดิม

ไม่มีความคิดเห็น: